วันพฤหัสบดีที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2562



ประวัติหมู่บ้านบะฮี
ตำบลบะฮี  อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร
ความเป็นมาและภูมิหลัง
          หมู่บ้านบะฮี  ตั้งขึ้นเมื่อปีพุทธศักราช 2465 ผู้ร่วมการก่อตั้งครั้งแรกมี  9 ครอบครัว คือ
1.       ครอบครัว  นายธรรม     ก้อนแพง          มาจาก    บ้านบดมาด    ตำบลพอกน้อย
2.       ครอบครัว  นายกา        พรหมนาถ        มาจาก    บ้านบดมาด    ตำบลพอกน้อย
3.       ครอบครัว  นายบู่         จันทร์แก้ว        มาจาก    บ้านบดมาด    ตำบลพอกน้อย
4.       ครอบครัว  นายบุญมี      สุนันธรรม        มาจาก    บ้านบดมาด    ตำบลพอกน้อย
5.       ครอบครัว  นายหลาย     นรสาร            มาจาก    บ้านพอกน้อย  ตำบลพอกน้อย
6.       ครอบครัว  นายคง        บาลคง            มาจาก    บ้านบดมาด    ตำบลพอกน้อย
7.       ครอบครัว  นายฝั้น        ก้อนแพง          มาจาก    บ้านบดมาด    ตำบลพอกน้อย
8.       ครอบครัว  นายหวิ้น      อินทรวิศิษฏ์      มาจาก    บ้านนาใน      ตำบลนาใน
9.       ครอบครัว  นายมาก       อินทรวิศิษฏ์      มาจาก    บ้านนาใน      ตำบลนาใน
ทั้ง 9 ครอบครัวนี้  ได้มาเห็นทำเที่รกร้างว่างเปล่าเหมาะแก่การสร้างหมู๋บ้านและทำนา  เพราะสถานที่
เป็นลำธารเล็กๆ  เรียกลำธารห้วยบะฮี หรือ ห้วยไร่  ภาษาท้องถิ่นเรียกว่า “ บะ ชื่อ บะฮี คือ พื้นที่
เป็นป่าโปร่งยาวรีไป จึงเรียกว่า บะฮี  เมื่อเห็นว่าที่ดังกล่าวเหมาะแก่การทำนา จึงตกลงกันจัดสรรแบ่งปันกัน
เข้าถือครองเป็นกรรมสิทธิ์  บางคนก็ซื้อจากเจ้าของเดิม เช่น  ของนางหวิ้น อินทรวิศิษฏ์  ได้ซื้อจากของ
-
นายทิดบัว  คนบ้านนาตากาง  เมื่อตกลงกันเรียบร้อยแล้ว  ถึงเดือนเมษายน
2465 กพากันมาสร้างหมู่บ้านขึ้น
หักร้างถางพง  ทำสวน  ทำนา  อยู่ประจำตั้งแต่บัดนั้นเป็นลำดับมา
     ครั้นรุ่งขึ้น  พ.ศ.
2466 กมีชาวบ้านบดมาตย์  บ้านพอกน้อย  อพยพครอบครัวมาอยู่รวมเพิ่มขึ้น  โดยมา
ถือครองเอาที่ดินบะฮีที่เหลืออยู่  เพื่อเป็นที่ทำนาของตนเอง  ครอบครัวที่มาเพิ่ม  อาทิ เช่น
                                 
1. ครอบครัว     นายน้อย         วิระศักดิ์
                                 
2. ครอบครัว     นายบุญ          วรรณสวัสดิ์
                                 
3. ครอบครัว     นายสอ           นนธิบุตร
                                  4. ครอบครัว     นายสี             สุนันธรรม
                                  5. ครอบครัว     นายคำมี          พรหมนาถ
                                 
6. ครอบครัว     นางเบอร์         อบเชย
                                  7. ครอบครัว     นายทูล           ทุมรี
                             8. ครอบครัว     นายแอ้น         สุรำไพ
                                 
9. ครอบครัว     นายปั่น           ทุมรี
                                 
10. ครอบครัว    นายจีน           วะจีสิงห์
ถัดมาอีกประมาณ  6-7 ปี กมีชาวบ้านบดมาตย์  และพอกน้อย อพยพครอบครัวมาอยู่เพิ่มอีกคือ
                            
1. ครอบครัว     นายวัน           พรหมนาถ
                            
2. ครอบครัว     นายบุญ          กุลบุตร
                            
3. ครอบครัว     นายกอง          ไพยเสน
                            
4. ครอบครัว     นายมาตย์        วรรณสวัสดิ์
                            
5. ครอบครัว     นายสีทา                   วรรณสวัสดิ์
                            
6. ครอบครัว     นายวาน                   สุนันธรรม
                            
7. ครอบครัว     นายสาริกา       นนธิบุตร
                            
8. ครอบครัว     นายเจียง         พรหมนาถ
                                                ฯลฯ
          ครั้นถึงปี พ.ศ. 2482  คณะชาวบ้านชะแงะ  ตำบลโพนเมืองน้อย  อำเภอม่วงสามสิบ  จังหวัดอุบลราชธานี ได้อพยพครอบครัวมาอยู่ร่วมด้วย  ประมาณ  20 ครอบครัว  ครอบครัวที่สำคัญๆ  มีอาทิ เช่น
                                     
1. ครอบครัว     นายก่อง          ใจตรง
                                     
2. ครอบครัว     นายคำ           วะริวงศ์
                                     
3. ครอบครัว     นายจันทร์        เกษงาม
                                     
4. ครอบครัว     นายเคน          เกื้อทาน
                                     
5. ครอบครัว     นายสิงห์                   เชิดชู
                                     
6. ครอบครัว     นายมาย                   เกื้อทาน
                                     
7. ครอบครัว     นายแก้ว                   เกษงาม
                                     
8. ครอบครัว     นางป้อม                    หนูแก้ว
                                     
9. ครอบครัว     นางดา            เกื้อทาน
                                     
10.ครอบครัว     นายวัน           เกื้อทาน
                                                          ฯลฯ    
          ครอบครัวชาวบ้านชะแงะ  ที่กล่าวนี้  บางครอบครัวก็ย้ายอพยพไปอยู่ที่อื่นต่อไป  บางครอบครัวก็อพยพกลับ แต่มีหลายครอบครัวที่ตั้งมั่นอยู่  ร่วมกับคณะชาวบ้านบะฮีมาจนปัจจุบันนี้ และต่อจากนั้นมาก็มีครอบครัวจากต่างท้องถิ่น อพยพเข้ามาอยู่ร่วมเป็นลำดับเรื่อยมา  จนทำให้หมู่บ้านบะฮี กว้างขวางใหญ่โต มีประชากรเพิ่มมากขึ้น จนได้รับการยกฐานะจากหมู่บ้านบะฮี  ขึ้นเป็น ตำบลบะฮี  เมื่อปีงบประมาณ
2521

                   การปกครอง
          หมู่บ้านบะฮีเมื่อแรกตั้ง  ได้ขึ้นสังกัดกับตำบลพรรณา  อำเภอพรรณานิคม ได้ลำดับหมู่บ้านที่
11
ตำบลพรรณนา มี นายบู่  จันทร์แก้ว  เป็นผู้ใหญ่บ้านคนแรกของหมู่บ้านนี้  และมีผู้ใหญ่บ้านปกครองติดต่อกันมา
ตามลำดับ ดังนี้ คือ
                  
1. นายบู่         จันทร์แก้ว        พ.ศ. 2466 – 2476
                   2. นายธรรม     ก้อนแพง          พ.ศ. 2475 – 2478
                   3. นายคำมี       พรหมนาถ        พ.ศ. 2478 - 2492
                   4. นายสียา       ทุมรี              พ.ศ. 2492 – 2501
                   5. นายหนูทา    ทุมรี              พ.ศ. 2501 – 2504
                   6. นายกา        ก้อนแพง          พ.ศ. 2504 – 2518
                   7. นายท่อน      รัตนวงศ์          พ.ศ. 2518 – 2520
                   8. นายสมาน     นรสาร            พ.ศ. 2520 – 2521
                     9. นายประยูร  บุญอาจ    พ.ศ. 2521 –
                     10. นายขันคำ  อินตรา   พ.ศ. 
                     11.ได้แยกหมู่บ้าน เป็นหมู่ที่ 8  มีผู้ใหญ่คือ นายสุกันท์  สุนันธรรม
                     12. ได้แยกหมู่ห้าออกเป็นหมู่ 10. มีผู้ใหญ่คือ นายหนูสัน  บุญศรี
                     13. ผญบ. หมู่ 8 คือนายวิระชัย  เกื้อทาน       
                     14.  ผญบ. หมู่ 5  คือนายนำสมัย  ทุมรี
                     15.  ผญบ. บะฮีหมู่ 5 คือ นายบันเทิง  รัตนวงศ์
                     16.  ผญบ. บะฮีหมู่ที่ 10  คือ นายขจรศักดิ์  ทุมรี
                     17. ผญบ. บะฮีหมู่ที่ 8 คือ นายทศพร  เกื้อทาน
          และนายสมาน  นรสาร  ได้รับเลือกเป็นกำนัน  ตำบลบะฮี  ตั้งแต่ปี พ.ศ.2521   
     นายสุกันท์  สุนันธรรม ได้รับเลือกเป็นกำนัน ตำบลบะฮี(ได้รับแหนบทองคำต่อมาได้รับเลือกเป็น นายก อบต. บะฮี)
      ต่อมานายพุทธา  เขื่อนกองแก้วบ้านบะหัวเมยได้รับเลือกเป็นกำนันตำบลบะฮี จนปัจจุบัน 
          
          การเปลี่ยนแปลงการขึ้นสังกัดการปกครอง  หมู่บ้านบะฮี  ขึ้นสังกัดอยู่กับ ตำบลพรรณา มาจนถึง พ.ศ. 2484  เนื่องจากทางราชการได้ปรับปรุงเขต  ตำบลพรรณาใหม่ เพื่อให้เหมาะสมในการที่จะยกฐานะ  ของตำบลพรรณา ขึ้นเป็นสุขาภิบาลพรรณา  จึงได้โอนหมู่บ้านบางหมู่บ้านในเขตอำเภอพรรณา  อันได้แก่  หมู่บ้านบะฮี หมู่บ้าน-ท่าสองคอน หมู่บ้านนาตากาง  และหมู่บ้านสร้างหิน (หมู่บ้านเหล่านี้ก็ขึ้นสังกัดอยู่ในตำบลพรรณา เช่นเดียวกัน )ไปขึ้นสังกัดอยู่ในเขตปกครอง  ของตำบลสว่าง อำเภอพรรณานิคม  หมู่บ้านบะฮีได้ลำดับที่ 13 ของตำบลสว่าง  อยู่ในสมัยของนายคำมี  พรหมนาถ เป็นผู้ใหญ่บ้าน ในระหว่างที่หมู่บ้านบะฮี  เปลี่ยนไปขึ้นสังกัดปกครองอยู่ในเขตตำบลสว่าง ทุกอย่างมีความสงบเรียบร้อย  ประชาชนมีความร่มเย็นเป็นสุขดี  จนถึงปีงบประมาณ 2521  ทางราชการเห็นความสำคัญของ -
หมู่บ้านบะฮี  จึงเสนอขอยกฐานะขึ้นเป็นตำบล  โดยแยกเอาหมู่บ้านต่างๆ ซึ่งอยู่ในสังกัด มีทั้งหมดรวม
6 หมู่บ้านตามลำดับ  ดังนี้ คือ
                             หมู่ที่
1  บ้านท่าสองคอน
                             หมู่ที่
2 บ้านบะหัวเมย
                             หมู่ที่
3  บ้านสร้างหิน
                             หมู่ที่
4  บ้านนาตากาง
                             หมู่ที่
5 บ้านบะฮี
                             หมู่ที่
6  บ้านผาอินทร์
                  


                   การศาสนา
                             เมื่อตั้งหมู่บ้านขึ้นไม่นาน  ถึงประมาณ ปี พ.ศ.
2468  ประชาชนมีมากขึ้น  ศาสนาอันเป็น
ที่พึ่งทางใจของชาวพุทธยังไม่มี  จึงพร้อมกันจัดตั้งวัดขึ้น ในสถานที่ ที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบันนี้  มีชื่อเรียกในสมัยนั้นว่า วัดแจ้ง ชาวบ้านก็ได้เอาในใจใส่ ทะนุบำรุงวัด  ให้การอุปถัมภ์ ก่อสร้างถาวรวัตถุในพุทธศาสนาเป็นลำดับมาดังที่ปรากฏอยู่ในขณะนี้  มีกุฏิ ศาลาการเปรียญ เป็นต้น พระเจ้าอาวาสวัดนับตั้งแต่เริ่มตั้งเป็นลำดับมา เท่าที่ทราบคือ
                  
1. พระทองจันทร์
                  
2. พระบัวเรียน
                  
3. พระไข สุนันธรรม
                  
4. พระพรหม
                  
5. พระบัวจันทร์
                  
6. พระเทพ  สุกะวโร
                   7. พระหนูรัตน์  ก้อนแพง
                  
8. พระวันดี  ไพยเสน
                  
9. พระพรหมา  วีระศักดิ์
                  
10.  พระตาล  นรสาร
                  
11. พระธรรม  ไชยเสน
                  
12. พระสียา  ทุมรี
                  
13. พระประเสริฐ (อาน)    ปริญญาพล
                  
14. พระทน  ศรีไทย
                  
15. พระขาว
                  
16. พระแก้ว  เกษงาม
                  
17. พระเพ็ง
                  
18. พระปริญญา  นรสาร   (องค์ปัจจุบัน  2528..)
          การเปลี่ยนแปลงชื่อวัด  วัดแจ้งบ้านบะฮี  เมื่อประมาณ ปี พ.ศ.
2488  ชาวบ้านและเจ้าอาวาสในสมัยนั้น
เห็นว่าชื่อวัดแจ้ง  ไม่เหมาะสม  เป็นคำห้วนเกินไป  ไม่เหมาะเป็นชื่อสถานที่บำเพ็ญกรณียกิจในทางพระพุทธศาสนา
และสถานที่ที่จะอบรมบ่มนิสัย  ของเหล่าพุทธศาสนิกชน จึงขอเสนอเปลี่ยนชื่อวัดเสียใหม่  เป็น
วัดสว่างจิต
ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
          การศึกษา
                   หมู่บ้านบะฮี  เป็นหมู่บ้านที่ไร้การศึกษาเล่าเรียน  มาจนถึง  พ.ศ.
2473  ทางราชการจึงได้จัดตั้งโรงเรียนประชาบาลขึ้นครั้งแรก  เมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2473  ที่วัดแจ้งบ้านบะฮี  ให้ชื่อโรงเรียนว่า“ โรงเรียนประชาบาลตำบลพรรณา 2 (วัดแจ้งบ้านบะฮี)   มีนายยศ  นาคบุตรศรี  เป็นครูใหญ่และครูผู้สอน (มีครูคนเดียว)
แต่โรงเรียนนี้ตั้งอยู่ไม่นานก็ถูกยุบไป  คือยุบเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ.2475 ทั้งนี้เนื่องจากความผันผวนทาง
เศรษฐกิจและการเมือง ของประเทศในสมัยนั้น  คือเศรษฐกิจของชาติฝืดเคือง ค่าของเงินบาทตกต่ำ รัฐบาลไม่สามารถจะแก้ไขได้ จึงได้ยุบตำแหน่ง  ปลดข้าราชการ และครู บางประเภทบางส่วนออก เป็นเหตุให้โรงเรียนประชาบาลตำบลพรรณา 2 (วัดแจ้งบะฮี) ต้องถูกยุบไปด้วย  เด็กนักเรียนในหมู่บ้านจึงว่างเว้นการศึกษาเล่าเรียน เรื่อยมา เป็นเวลา 3 ปี จนถึง  พ.ศ. 2478 ทางราชการจึงได้มาจัดตั้งโรงเรียนขึ้นใหม่ เป็นครั้งที่ 2 ที่วัดแจ้งบ้านบะฮีอีก ใช้ชื่อโรงเรียนอย่างเก่า คือโรงเรียนประชาบาลตำบลพรรณา 2 (วัดแจ้งบะฮี) มีนายมาก สนมศรี เป็นครูใหญ่และครูผู้สอน
                   ครั้นปี พ.ศ.
2484 หมู่บ้านบะฮีถูกโอนไปขึ้นสังกัดกับตำบลสว่าง   โรงเรียนกเปลี่ยนชื่อไปเป็น
โรงเรียนประชาบาลตำบลสว่าง 6 ( วัดแจ้งบะฮี ) จนถึง พ.ศ. 2408 ทางวัดได้เปลี่ยนชื่อวัด เป็นวัด สว่างจิต
ทางโรงเรียนก็จำเป็นต้องเปลี่ยนชื่อตาม  และทางราชการได้พิจารณาร่วมกันว่า  โรงเรียนต่างๆในท้องที่ตำบลสว่าง
โรงใดตั้งก่อนหลัง  ควรจะได้เลขที่ของโรงเรียนก่อนหลังตามลำดับ  คือพิจารณาโรงเรียนตามหมู่บ้านต่างๆ ที่โอน
มาจากตำบลพรรณา  มีหมู่บ้านบะฮี
นาตากาง – ท่าสองคอน – และสร้างหิน ว่าการตั้งโรงเรียนของหมู่บ้านเหล่านี้ และของหมู่บ้านต่างๆ  ในท้องที่ตำบลสว่างเดิม  โรงเรียนใดตั้งก่อนหลังอย่างใด  ปรากฏว่าโรงเรียนบ้านบะฮี
ตั้งเป็นลำดับที่
3 ของตำบลสว่าง  จึงได้ชื่อโรงเรียนใหม่ว่า “ โรงเรียนประชาบาลตำบลสว่าง 3 (วัดสว่างจิต)
ครั้นถึงปี พ.ศ.
2499  ทางราชการได้อนุมัติเงินงบประมาณให้จำนวน 50,000 บาท จัดสร้างโรงเรียนเอกเทศถาวร
และได้สร้างขึ้น ณ ที่ดินที่เป็นโรงเรียนบ้านบะฮีในปัจจุบันนี้  ซึ่งเป็นที่ดินของนายจันทร์  อินทรวิศิษฏ์ เป็นครูใหญ่
เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงได้ย้ายออกจากวัดสว่างจิต  ขึ้นไปเรียนที่โรงเรียนเอกเทศโดยเรียบร้อยเมื่อเดือน มีนาคม
2560 ใช้ชื่อโรงเรียนว่า  โรงเรียนบ้านบะฮี สืบต่อมาจนทุกวันนี้ ลำดับครูใหญ่ที่มาดำรงตำแหน่ง ในโรงเรียน
บ้านบะฮี  แต่แรกตั้งจนถึงปัจจุบัน คือ

          1. นายยศ        นาคบุตรศรี       พ.ศ. 2473 – 2475
          2. นายมาก       สนมศรี           พ.ศ. 2478 – 2484
          3. นายนิล        สุวรรณเทน       พ.ศ. 2484 – 2485
          4. นายระเบียบ   สุวรรณรงค์      พ.ศ. 2485 – 2486
          5. นายพรหมา   โพธิศรี            พ.ศ. 2486 – 2489
          6. นายพวย      โพธิศรี            พ.ศ. 2489 – 2491
          7. นายชลมารค  ศรีวะโรจน์       พ.ศ. 2491 – 2492
          8. นายจันทร์     อินทรวิศิษฏ์      พ.ศ. 2492 – 2503
          9. นายฤทธิ์      สุวรรณรงค์       พ.ศ. 2503 – 2512
          10. นายเฉลย    วาทะวัฒนะ      พ.ศ. 2512 – 2515
          11. นายควัญ    สุนันธรรม        พ.ศ. 2515 – ปัจจุบัน

                   การคมนาคม
          บ้านบะฮี  มีเส้นทางคมนาคม ติดต่อที่สำคัญๆคือ
1. ทางทิศใต้  มีถนนรถยนต์ ติดต่อกับตัวอำเภอพรรณานิคม ระยะทาง 11 กม.
2. ทางทิศเหนือ มีถนนรถยนต์ สายจากอำเภอพรรณานิคม ผ่านไปถึงอำเภออากาศอำนวย ระยะทาง 24 กม.
3. ทางทิศตะวันออก มีถนน ร.พ.ช. 2 สาย สายที่ 1 ไปยังบ้านบะหัวเมย  ทะลุไปถึงบ้านถ่อน  ตำบลสว่าง  
   ระยะทาง 12 กม. สายที่ 2 ไปยังบ้านสร้างหินทะลุไปยังบ้านบัว  ตำบลสว่าง  ระยะทาง 12 กม.
4. ทางทิศตะวันตก มีถนน ร.พ.ช. แยกจากถนนรถยนต์  สายพรรณานิคม อากาศอำนวย ตรงหลัก กม.ที่ 7
    ไปยังบ้านนาล้อม  ตำบลต้นผึ้ง  อำเภอพังโคน  ทะลุไปยังบ้านเดื่อศรีคันไชย  อำเภอวานรนิวาส  ระยะทาง
    ประมาณ
22 กม.
          ถนนที่สำคัญ สายผ่านหมู่บ้าน  คือถนนรถยนต์สายพรรณานิคม
– อากาศอำนวย ถนนสายนี้เป็นถนนมาตรฐาน  ลาดยางโดยเรียบร้อยเมื่อปี พ.ศ.2528
          นอกจากนั้น  มีสิ่งสำคัญที่หมู่บ้านบะฮี  ตำบลบะฮี ได้จากทางราชการให้งบประมาณมาจัดสร้างขึ้น ติดต่อ
กันมาจนถึงปัจจุบันนี้ คือ

       

ด้านสิ่งก่อสร้างต่างๆ
๑. น้ำประปาบาดาล ประจำกหมู่บ้านตามโครงการประปาชนบท ได้รับงบประมาณจัดสร้างเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๐ สร้างขึ้นภายในวัดสว่างจิต บ้านบะฮี  สามารถจ่ายน้ำให้ประชาชนใช้ได้ทั่วถึงทุกหลังคาเรือน ต่อมาได้เปลี่ยนการบริหารเป็นประปาส่วนภูมิภาค 
๒. สถานีตำรวจภูธร ประจำหมู่บ้าน สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๑  ณ ที่ดินของนายมาก  อินทรวิศิษฏ์ บริจาคให้ ปัจจุบันเป็นที่ตั้ง อบต. บะฮี 
๓. ไฟฟ้าประจำหมู่บ้าน เป็นไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ตามโครงการไฟฟ้าชนบท สร้างเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๔ นำโดย ครูสีพันดร  การุญ  โดยชาวบ้านช่วยกันสมทบทุน
๔. สถานีอนามัยประจำตำบล ได้รับงบประมาณจัดสร้างเมื่อปี  ๒๕๒๖  เป็นที่ดินของนายควัญ  สุนันธรรม บริจาคให้
๕. สนามกีฬา  เป็นสนามกีฬามาตรฐานรัดับตำบล สร้างเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๗  ณ ที่ดินของโรงเรียนบ้านบะฮี(ประถม)
๖. ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านบะฮี  สร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๒ โดยการนำของครูบุญรัตน์ สุนันธรรม โดยเริ่มต้นใช้ศาลาการเปรียญวัดสว่างจิต เมื่อมีเด็กเล็กมากขึ้น อบต.บะฮี สนับสนุนสร้างศูนย์พัฒนาเด็กเล็กขึ้นเมื่อปี ๒๕๔๔ ที่บ้านบะฮีหมู่ที่ ๕
๗. โรงเรียนบะฮีวิทยาคม สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๖  ครูใหญ่คนแรกคือ นายชัชวาลย์  ป้อมไชยา และรองคือนายเลิศชาย   สุนันธรรม โดยใช้ที่ดินสาธารณประโยชน์(จับจองเพื่อทำสนามบินในอดีตสงครามโลกครั้งที่ ๒)ซึ่งเป็นป่าติดกับบ้านวังม่วงในการก่อสร้าง มีเนื้อที่ประมาณ  ๘๓  ไร่